แมตช์แนะนำ!

Friday, November 4, 2011

เช็คความพร้อมนักกีฬาไทยลงซีเกมส์ 2011 12BET 4/11/54

ทรงอวยพรนักกีฬาคว้าชัยซีเกมส์,รักษาเอกลักษณ์ไทย



 สมเด็จพระบรมฯ ทรงอวยพรนักกีฬาไทยคว้าชัยซีเกมส์ ขอให้รักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทยสู่สายตานานาชาติ ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล อวยพรนักกีฬาไทยประสบความสำเร็จ รักษามาตรฐานเอาไว้ พร้อมกับทำหน้าที่นักกีฬาและเป็นทูตวัฒนธรรมของประเทศอย่างเต็มที่ ชี้รัฐบาลพร้อมหนุนให้กีฬาสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้เกิดขึ้นในอนาคต


         พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จออกแทนพระองค์พระราชทานพระราชวโรกาสให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย และคณะนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมชาติไทย ที่จะเดินทางไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่กรุงจาการ์ตาและเมืองปาเลมบัง ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 11-22 พ.ย. 54 เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท โดย พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ในฐานะที่ทรงเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ทรงร่วมเข้าเฝ้าฯ และทูลเกล้าฯ ถวายชุดกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 แด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เมื่อ 2 พ.ย. ที่ผ่านมา
         "บิ๊กอ๊อด" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานอลป.ไทย กล่าวว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราโชวาทพระราชทานแก่เจ้าหน้าที่และนักกีฬาไทยว่า ขอแสดงความยินดีกับนักกีฬาทุกๆ ท่าน ที่ได้เป็นตัวแทนจากประเทศไทยเดินทางไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูง ทุกท่านมีหน้าที่จะต้องปฏิบัติสองอย่าง ได้แก่การเป็นนักกีฬา และการเป็นคนไทย โดยการแข่งขันต้องมีแพ้ มีชนะ เป็นเรื่องปรกติธรรมดา ซึ่งนอกจากจะแข่งขันด้านกีฬาให้ได้ผลสูงสุดแล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายรักษาความเป็นนักกีฬาที่แท้ และความเป็นไทยไว้ให้ครบถ้วนเสมอ จักได้สามารถสร้างความนิยมยินดีและชื่อเสียงเกียรติคุณ ให้เกิดขึ้นในหมู่นักกีฬาและนานาประเทศได้เต็มภาคภูมิ

         ขออวยพรให้นักกีฬาทีมชาติไทย พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ร่วมคณะทุกฝ่าย มีกำลังกายกำลังใจที่แข้มแข็งสมบูรณ์ เพื่อสามารถทำหน้าที่ของตนในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งให้ประสบชัยชนะและความสำเร็จในการสร้างชื่อเสียงเกียรติยศให้แก่ตนและ ประเทศชาติ สมดังที่ตั้งใจปรารถนาทุกประการ

         ในช่วงเช้าของวันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ต้อนรับทัพนักกีฬาทีมชาติไทยชุดสู้ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ณ ประเทศอินโดนีเซีย เข้ารับโอวาทพร้อมกับอำลาเพื่อเดินทางไปร่วมการแข่งขันระหว่างวันที่ 11-22 พ.ย. 54 โดยมี "บิ๊กอ๊อด" พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย พล.ต.จารึก อารีราชการัณย์ รองประธานและคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย, ดร.สุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายกนกพันธุ์ จุลเกษม ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนักกีฬาทีมชาติไทยและผู้ฝึกสอน

         พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานโอลิมปิคไทย กล่าวรายงานว่า ประเทศไทยได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 26 รวม 1,183 คน เป็นนักกีฬาชาย 450 คน นักกีฬาหญิง 336 คน และที่เหลือเป็นเจ้าหน้าที่ ผู้ตัดสิน และแพทย์ประจำทีม โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐบาลเป็นเงิน 219 ล้านบาท ส่งแข่งขัน 40 ชนิดกีฬา (39 สมาคมกีฬา) แข่งขันที่กรุงจาการ์ตา และ เมืองปาเลมบัง ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมานักกีฬาไทยสามารถคว้าเจ้าเหรียญทองมาครองได้ 11 สมัย

         ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความขยันหมั่นเพียรในการฝึกซ้อม มีวินัยของนักกีฬาทำให้ทุกคนมายืนตรงนี้ได้ในฐานะตัวแทนคนไทย สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศ ซึ่งนอกจากการทำหน้าที่นักกีฬาทีมชาติไทยแล้ว ทุกคนยังต้องทำหน้าที่ทูตวัฒนธรรม เผยแพร่ความเป็นไทยให้นานาชาติได้รู้จักอีกด้วย ขณะเดียวกัน ชัยชนะทุกครั้งที่ได้มาจะต้องอยู่บนพื้นฐานของเกียรติภูมิของประเทศ มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย โดยซีเกมส์ 25 ครั้งที่ผ่านมา ไทยเป็นเจ้าเหรียญทองถึง 11 ครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ ขอให้นักกีฬาทุกคนร่วมแรงร่วมใจรักษาผลงานให้ดีที่สุด

         ส่วนรัฐบาลจะให้การสนับสนุนนโยบายด้านการกีฬาเป็นสำคัญ พร้อมที่พัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านกีฬาระดับภูมิภาค และระดับโลก จัดการโครงสร้างทางด้านกีฬา ให้ทุนด้านกีฬากับเยาวชน พร้อมกับพัฒนายุทธศาสตร์กีฬาสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาล นอกจากนั้นยังร่วมมือกับสังคมในการสร้างงาน สร้างรายได้ ให้เกิดขึ้นในรูปแบบของกีฬาอาชีพอีกด้วย

         "ขออัญเชิญคุณพระศรีฯ รวมทั้งพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ดลบันดาลประทานพรให้นักกีฬาทุกคนและเจ้าหน้าที่ประสบกับความสุข ความเจริญ มีกำลังใจ กำลังปัญญา สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศโดยทั่วกัน" นายกฯ ยิ่งลักษณ์ กล่าวอวยพร

         หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทักทายนักกีฬาท่ามกลาง บรรยากาศที่คึกคัก โดยนักกีฬาส่วนใหญ่ตื่นเต้นกับการได้พบกับนายกฯ หญิงคนแรกของประเทศไทย พร้อมกับขอถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวทักทายนักกีฬาอย่างเป็นกันเอง พร้อมกับสอบถามว่าเป็นกีฬาอะไร และพร้อมแค่ไหน ก่อนที่จะให้กำลังใจพูดคุยแบบสบายๆ อย่างใกล้ชิด โดยนายกรัฐมนตรีหญิง มีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ก่อนที่จะเปรยกับนักกีฬาว่า ตนดีใจและมีความสุขที่คุยเรื่องกีฬาบ้าง จากนั้นได้ทักทายทีมวอลเลย์บอลสาวไทย ซึ่ง ปลื้มจิตร์ ถินขาว นักตบลูกยางสาว ได้กล่าวประโยค "ขอให้นายกฯ สู้ๆ ขอเป็นกำลังใจให้" ขณะที่ "นายกฯ ปู" ได้ตอบกลับว่า "เราไม่ได้เป็นนักกีฬา คงไม่ต้องแข่งกับใคร แต่ก็จะทำทุกอย่างเต็มที่" พร้อมกับยิ้มก่อนเดินจากไป

         พร้อมกันนั้น ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายกรัฐมนตรีถึงกำหนดการเดินทางไปร่วมพิธีเปิดการแข่ง ขัน ในวันที่ 11 พ.ย. 54 ตามการเชิญของประเทศเจ้าภาพหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตอนนี้สถานการณ์ในประเทศยังไม่ดีขึ้น ตนยังตอบไม่ได้ คงต้องรอดูว่าปริมาณน้ำจะลดลงเมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม ขอให้นักกีฬาทุกคนทำหน้าที่ของตนเองให้เต็มที่ พร้อมกับรักษามาตรฐานเอาไว้ให้ได้


แข้งซีเกมส์ซ้อมหนักกลางฝนพร้อมอุ่นภูเก็ต3พ.ย.นี้



   แข้งชุดซีเกมส์ ซ้อมกลางสายฝนจนกระทั่ง นักเตะบาดเจ็บ 3 คนรวด คือ สุจริต จันทกล,อิสระพงษ์ ลิละคร และ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ คาดหายทันแมตช์แรกกับ มาเลย์ วันที่ 9 พ.ย. แน่ ส่วนการอุ่นเครื่อง กับ เอฟซี ภูเก็ตเตรียมวาง "แซม" รณชัย รังสิโย เล่นกองหน้าคู่กับ อดิศักดิ์ ไกรษร ล่าตาข่าย พร้อมให้ สารัช อยู่เย็นคอยทำเกม


         ความเคลื่อนไหวของ ทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์  ที่มีโปรแกรมแข่งกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 11-22 พ.ย. ที่ประเทศอินโดนีเซีย  โดย ทีมชาติไทย อยู่สาย เอ ร่วมกับ "เจ้าภาพ" อินโดนีเซีย, "แชมป์เก่า" มาเลเซีย, สิงคโปร์  และกัมพูชา  ประเดิมนัดแรกวันที่ 9 พ.ย. พบ มาเลเซีย, นัดสอง วันที่ 11 พ.ย. พบ กัมพูชา, นัดสาม วันที่ 13 พ.ย. พบ อินโดนีเซีย  และนัดสุดท้าย วันที่ 17 พ.ย. พบ สิงคโปร์

         ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 2 พ.ย.2554 ที่ผ่านมา ทัพนักเตะทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ได้ทำการฝึกซ้อมในช่วงเช้าด้วยการยืดเส้นยืดสายและวิ่งบริเวณชายหาดกะรน จ.ภูเก็ต ก่อนที่ช่วงเย็นจะไปไหว้พระเอาฤกษ์ที่วัดฉลอง จ.ภูเก็ต และทำการฝึกซ้อมต่อที่สนามสุระกุล จ.ภูเก็ต โดยเน้นที่การขึ้นเกม, การเข้าทำ, การป้องกันลูกเตะมุม, ลูกจุดโทษและซ้อมยิงฟรีคิก ซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม

         ทั้งนี้ในช่วงของการฝึกซ้อมได้มีฝนตกลงมาอย่างหนักแต่ทัพ นักเตะไทยยังคงทำการซ้อมตามปกติ ทว่าต้องเซ่นนักเตะถึง 3 คนที่ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากสภาพสนามค่อนข้างลื่น ประกอบไปด้วย "เจ้าต้อม" สุจริต จันทกล (ข้อเท้าซ้าย), อิสระพงษ์ ลิละคร (ข้อเท้าขวา) และ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ (หลัง) ทว่าเบื้องต้นอาการไม่น่าเป็นห่วงทว่าเกมอุ่นเครื่องกับ เอฟซี ภูเก็ต วันที่ 3 พ.ย.นี้ ยังไม่เสี่ยงส่งลงสนาม แต่คาดว่าจะหายทันเกมแรกกับ มาเลเซีย วันที่ 9 พ.ย. นี้แน่นอน

         โดยภายหลังการฝึกซ้อม "น้าเหม่ง" ประพล พงษ์พานิช เปิดเผยว่าซีเกมส์แต่ละครั้งทีมชาติไทยต้องเจอกับคู่แข่งที่เล่นเกมรับแม้ ว่าไทยจะตกรอบแรกเมื่อ 2 ปีก่อนแต่ทุกคนไม่เคยมองข้ามไทย ดังนั้นในช่วงระหว่างการแข่งขันหากเราไม่สามารถเจาะเข้าทำประตูได้ก็คงต้อง มาเน้นที่ลูกเซตพีซซึ่งจะถือเป็นจุดเด่นของเราในทีมชุดนี้เนื่องจากมีหลายคน ที่ยิงได้ดีทั้ง เฉลิมศักดิ์ แก้วสุขแท้, สารัช อยู่เย็น, เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์, ณธฤษภ์ ธรรมรสโสภณ ฯลฯ

         "ในศึกซีเกมส์ทุกชาติไม่กล้ามาบุกกับเราแน่นอนเพราะพวกเขา รู้ดีว่าไทยมีผู้เล่นที่ศักยภาพดี ดังนั้นเราต้องมีเกมรุกที่ดีด้วยเช่นกันแต่หากบุกอย่างไรก็เจาะไม่เข้าอย่าง น้อยๆ ลูกเซตพีซก็น่าจะช่วยได้"

         ด้าน "บิ๊กกาเซ็ม" เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีม เผยถึงการเดินทางมากเก็บตัวที่ จ.ภูเก็ต ในครั้งนี้ว่าถือว่าได้ประโยชน์พอสมควรเพราะนักมีสภาพความฟิตที่ดีขึ้นรวม ถึงสมาธิในการฝึกซ้อมมีมากกว่าเมื่อครั้งอยู่ กทม. ซึ่งถึงตอนนี้นักเตะทุกคนมีความพร้อมเต็มที่และตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันแข่ง ขันให้มาถึงเร็วๆ

         สำหรับโปรแกรมอุ่นเครื่องนัดต่อไปของ ทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ คือวันที่ 3 พ.ย.2554 พบกับ "กิเลนทะเลใต้" เอฟซี ภูเก็ต ทีมในระดับ ดิวิชั่น 1 ที่สนามสุระกุล จ.ภูเก็ต เวลา 17.00 น. โดยค่าบัตรผ่านประตู 100 บาท ซึ่งจะนำไปมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ก่อนจะยกทัพกลับ กทม. เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปประเทศอินโดนีเซียเพื่อเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์แข่งขัน ซีเกมส์


     ไทยวางรณชัยยิงภูเก็ต

         สำหรับ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของ ทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ที่จะอุ่นเครื่องกับ เอฟซี ภูเก็ต วันที่ 3 พ.ย. ที่สนามสุระกุล จ.ภูเก็ต เวลา17.00 น. ในระบบ 4 - 4 - 2 ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู ภานุพงษ์ พิจิตรธรรม  กองหลังจากขวา ซีเกต หมาดปูเต๊ะ, ธนพล อุดมลาภ

         เฉลิมศักดิ์ แก้วสุขแท้, วีระวุฒิ กาเหย็ม  กองกลางจากขวา พลวุฒิ ดอนจุ้ย, สารัช อยู่เย็น, ปกเกล้า อนันต์, ณธฤษภ์ ธรรมรสโสภณ  และคู่กองหน้า อดิศักดิ์ ไกรษร กับ  รณชัย รังสิโย

         ส่วน เอฟซี ภูเก็ต จะใช้บริการนักเตะตัวหลักใน ดิวิชั่น 1 ลงเล่น นำโดย มาติจาจ ผู้รักษาประตู, เนเนบี้, สุภัทร อ้นทอง, เสกสิทธิ์ ศรีใส, ออสเซียม นอสซิม, วัชรพงษ์ จันทร์งาม

         โดย "บิ๊กกาเซ็ม" เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมฯ เปิดเผยว่าการเจอกับ เอฟซี ภูเก็ต จะเป็นการจำลองสถานการณ์ทุกอย่างในการเล่นกับ มาเลเซีย นั่นหมายความว่า 11 ผู้เล่นที่จะส่งลงสนามน่าจะได้ลงเจอกับ มาเลเซีย ทั้งหมด อย่างไรก็ดีจะต้องแก้ไขปัญหาทุกอย่างของทีมให้ได้ในเกมนี้และจะเปิดเกมรุก ตั้งแต่นาทีแรก


     ซีเกมส์เริ่มเตะสายบี 2 คู่พฤหัสฯ นี้

         ได้ฤกษ์ประเดิมเตะกันแล้วสำหรับกีฬาฟุตบอลชาย ในทัวร์นาเมนต์ ซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 11 - 22 พ.ย. 2554 ซึ่งวันพฤหัสฯ ที่ 3 พ.ย.2554 เป็นการแข่งขันใน สาย บี จำนวน 2 คู่ ระหว่าง เวียดนาม พบกับ ฟิลิปปินส์ และลาว พบกับ เมียนมาร์ ทั้งสองคู่เตะที่สนาม เกโรล่า บัง การ์โน่ (เสนายันต์)


         โดยคู่ระหว่าง เวียดนาม กับ ฟิลิปปินส์  เป็นคู่แรกของการแข่งขัน เตะเวลา 16.00 น. ฝั่ง เวียดนาม มีดีกรีเป็นรองแชมป์เมื่อ 2 ปีที่แล้วและมีสถิติที่ดีกว่า ฟิลิปปินส์ โดยสถิติที่เคยพบกันมาใน ซีเกมส์ ปรากฏว่าเจอกันทั้งหมด 4 ครั้ง ซึ่ง เวียดนาม ไม่เคยแพ้ให้กับ ฟิลิปปินส์ แม้แต่ครั้งเดียว โดยชนะ 3 และเสมอ 1 ยิงได้ 8 เสีย 2 ประตู

         ส่วนเวลา 19.00 น. ลาว พบกับ เมียนมาร์ โดยทั้งสองทีมเป็นทีมบ้านใกล้เรือนเคียงกันและถือว่าเจอกันเมื่อไหร่ใส่กัน ไฟแลบตลอด ทว่าสถิติที่เคยพบกันในซีเกมส์ปรากฏว่า เมียนมาร์ ทำได้ดีกว่า โดยเจอกันทั้งหมด 8 ครั้ง เมียนมาร์ ชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1 ได้ 25 เสีย 5

         แต่ในการเจอกันสองครั้งหลังสุดใน ซีเกมส์ ถือว่า ลาว ไม่เคยแพ้ เมียนมาร์ โดยครั้งที่ 23 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ ปรากฏว่า ลาว ชนะ เมียนมาร์ 3-2 และครั้งที่ 25 ที่ประเทศลาว เมื่อ 2 ปีก่อน ลาว เสมอ เมียนมาร์ 1-1

ยูโดพึ่งบุญเก่าลุ้นอคีเรียส-สุรัตนาหยิทองสมัย 3





   ยูโด เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่ทำผลงานได้ดีไม่ด้อยไปกว่ากีฬาชนิดอื่นๆ
 


นับย้อนหลังไปเมื่อ 6 ปีก่อนในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 23 ที่ตากาล็อก จอมทุ่มของไทยสร้างชื่อเสียงไว้อย่างน่าชื่นชม คว้าได้ 4 เหรียญเทอง, 5 เหรียญเงิน และ 6 เหรียญทองแดง
 
ก่อนที่จะสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ในอีก 2 ปี ถัดมา เมื่อครั้งที่ประเทศ
ไทยเป็นเจ้าภาพ ในการแข่งขันครั้งที่ 25 นักทุ่มของไทยประกาศศักดิ์ดาก้าวขึ้นแท่นหยิบเรียญแห่วชัยชนะได้มากสุดถึง 8 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน และ 3 เหรียญทองแดง
 
กระทั่งไฟล์ทล่าสุดที่ประเทศลาว ในซีเกมส์ครั้งที่ 25 ทัพนักกีฬายูโดของไทยยังเดินหน้าคว้าเหรียญมาครองได้รายวัน และกลับมาพร้อมชัยชนะ 4 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน และ 4 เหรียญทองแดง แม้จะเทียบเท่ากับผลงานเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านั้นไม่ได้ แต่ถือเป็นผลงานที่ไม่เลว
 
และด้วยศักยภาพของนักกีฬาบวกกับประสบการณ์ที่โชกโชนกลายเป็น เครื่องหมายที่นายกสมาคมฯ กล้าออกมาการันตีถึงผลที่จะเกิดขึ้น โดยคาดหวังว่ากีฬาระดับอาเซียนหนนี้ยูโดน่าจะคว้าได้ไม่ต่ำ 4 เหรียญทอง แม้ศึกซีเกมส์ที่ประเทศอินโดนีเซีย ทัพทุ่มของไทยจะมีทั้งเลือดเก่าผสมสายเลือดใหม่
 
แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ยังมีลุ้นด้วยกันแทบทั้งสิ้น และที่แน่นอนๆ เป้าหมายแรกและเป้าหมายหลักของทีมคงไม่พ้นนักกีฬาเก่าๆ ที่เคยคว้าเหรียญทองมาแล้ว
 
ทั้ง ปิติมา ทวีรัตนศิลป์ จับคู่ จุฑาทิพย์ บำเพ็ญบุญ ท่าทุ่มมาตรฐานยูโนกาต้า และประเภทต่อ สุรัตนา ทองศรี รุ่นน้ำหนัก 63-70 ก.ก., อคีเลียส แรลลี่ รุ่นน้ำหนัก 66-73 กก. ซึ่งทั้ง 3 รายการยังเป็นความหวังอันดับๆ ของสมาคมฯ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในุร่นเฮฟฟวี่เวท น้ำหนัก 100 กก. ขึ้นไป ซึ่ง 2 ปีก่อนเหรียญทองเป็นของ "ธรธัณย์ บุญด้วง" จอมพลังสาวไซด์ยักษ์ แต่คราวนี้ไทยไม่ได้ลุ้นเนื่องจากเจ้าภาพตัดออกจากสังเวียนแข่งขัน
   
ส่วนอีกหนึ่งเหรียญทองที่มีลุ้นแทน คือ รุ่น 45 กก. หญิง จาก อรอารียา ก้อนเงิน นักทุ่มสายเลือดใหม่ที่ฝีมือดีวันดีคืน ส่วนความแข็งแกร่งไม่ต้องพูดถึง เพราะด้วยความมีระเบียบวินัยในการฝึกซ้อมตามตารางทำให้ประสิทธิภาพทางด้าน ร่างกายเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และว่ากันว่าจากการฝึกซ้อมในไทยและจีน อรอารียา จับคู่ซ้อมทุ่มอิปโป้งตลอด ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ อรอารียา กลายเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายเหรียญทองของทัพทุ่มไทย
 
เช่นเดียวกับ ศราวุฒิ เพชรสิงห์ นักทุ่มหนึ่งจากชลบุรี ที่ฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา หลังจากที่ตระเวนกวาดเหรียญทองระดับชาติมาแล้ว ก็ถึงคราวที่จะต้องออกไล่ล่าเหรียญในเวทีอาเซียน
 
ขณะที่รุ่นพี่เจ้าของเหรียญทอง 2 สมัยซ้อน อย่าง สุรัตนนา ทองศรี และ หนุ่มลูกครึ่งไทย-กรีซ "อคีเลียส แรลลี่" ที่นับวันยิ่งแกร่งกล้าทำให้หนนี้เชื่อว่ามีลุ้นหยิบเหรียญทองสมัยที่ 3 ได้ไม่ยาก
 
จากความสำเร็จใน 3 ครั้งหลังสุด ทำให้ "หัสบดินทร์ โรจนชีวะ" นายกสมาคมยูโดฯ มั่นใจว่าซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย จอมพลังทุ่มของไทยจะคงสร้างผลงานได้ไม่ด้อยไปกว่าเดิม แม้ศึกนี้จะขาดผู้นำอย่าง "พิทักษ์ คำปิตะ" เฮดโค้ชผู้ปลุกปั้นนักกีฬาและสร้างผลงานกระฉ่อนเวทียูโดตลอดซีเกมส์ 3 ครั้งหลังสุด
 
อย่างไรก็ตามแม้ยูโดคราวนี้จะไร้ซึ่งโค้ชสมองเพชรอย่าง "พิทักษ์ คำปิตะ" ทว่าไม่ได้ทำให้นายกลดความเชื่อมั่นในการที่จะหยิบเหรียญ เนื่องจากนายกสมาคมยูโดฯ มั่นใจว่า ชัยณรงค์ ดาวสุวรรณ และ ชาญชัย สุขสุวรรณ์ ผู้ฝึกสอนแกะกล่อง ที่ทำหน้าที่ควบคุมทีมอยู่ขณะนี้จะสามารถนำชัยชนะมาสู่ทัพนักกีฬายูโด
 
ก็ต้องมาลุ้นและจับตากันต่อไปว่าใบบุญเก่าของนักกีฬากับ โค้ชใหม่ป้ายแดงจะผนึกกำลังและพากันก้าวขึ้นสู่แท่นเหรียญทองได้ตามเป้าหมาย หรือไม่

ทัพยิมนาสติกไทย ขอ 5 ทอง





  กีฬา "ยิมนาสติก" ถือเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่สามารถกวาดเหรียญทอง ให้กับทัพนักกีฬาไทย ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ ตลอดมาอย่างต่อเนื่อง ในใน "มหกรรมกีฬาซีเกมส์" ทุกครั้งที่ผ่านมา





จนต้องบอกว่า.. "ยิมนาสติก" คืออีกหนึ่งกีฬา "ความหวัง"  ที่จะทำให้ "ทัพนักกีฬาไทย" ไปสู่ "เจ้าเหรียญทอง" ในกีฬาซีเกมส์ ทุกครั้ง โดยจากสถิติในซีเกมส์ 3 ครั้งหลังสุด  (ยกเว้น ซีเกมส์ ครั้งที่ 25 "เวียงจันทน์เกมส์"  ที่ไม่มีการจัดแข่งขัน) ผลงานของ หนุ่ม-สาวนักห้อยโหนทีมชาติไทย สามารถความเหรียญทองรวม 25 ทอง โดยเป็นซีเกมส์  ที่ เวียดนาม 6 ทอง , "มะนิลาเกมส์"  9 ทอง  และ "โคราชเกมส์"  อีก 10 ทอง 
 
จากผลงานที่ยอดเยี่ยมตลอดมา ทำให้ในซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ณ แดน "อิเหนา" อินโดนีเซีย  "ทีมยิมนาสติกไทย"  ยังคงเป็นหนึ่งในกีฬา "ความหวัง" ที่จะสามารถกวาดเหรียญทอง ให้ "ทัพนักกีฬาไทย" เหมือนเช่นเคย
 
ถึงแม้...ในซีเกมส์ หนนี้ จะโดนทาง "เจ้าภาพ" อินโดนีเซีย ใช้ "วิชามาร"  ในฐานะเข้าผู้มีสิทธิ์จัดการแข่งขัน  ตัดการชิงชัยเหรียญทอง เหลือเพียง แค่17 เหรียญทอง จากที่เคยชิง 24 เหรียญทอง  โดยยิมส์ศิลป์ชาย  มีชิง 8 ทอง, ยิมส์ศิลป์หญิง  6 ทอง, ยิมส์ลีลาหญิงบุคคลรวมอุปกรณ์ 1 ทอง, สปอร์ตแอโรบิก 2 ทอง ทองเท่านั้น
 
จนส่งผลให้ "ซีเกมส์" หนนี้  "ทัพยิมฯไทย" ที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร ต้องปรับลดเป้าหมาย จากที่เคยทำได้ 10 เหรียญทองใน "โคราชเกมส์"  มาเหลือเพียงแค่ 5 เหรียญทอง เท่านั้น !
 
เป้าหมาย  5 ทอง ในซีเกมส์ เที่ยวนี้  ของ"สมาคมยิมนาสติกแห่งประเทศไทย" ภายใต้การบัญชาการของ "สวัสดิ์ โสภะ"วางไว้ที่ ยิมนาสติกศิลป์ ชาย  3 ทอง,  สปอร์ตแอโรบิก 1 ทอง  และ ยิมนาสติกลีลา  1 ทอง 
 
นาวาโท พรพงษ์ อิทธโยภาสกุล เฮดโค้ชยิมฯศิลป์ชายทีมชาติไทย  กล่าวว่า "โดยในเป้า 3 ทอง ของยิมนาสติกศิลป์ เรามีความหวัง วีณา โชคเผ่าอำไพในประเภท ม้ากระโดด , ราชวัตร แก้วปัญญา ในฟลอร์เอ็กเซอร์ไซส์  และ ธิติพงษ์ อยู่ดี ในอุปกรณ์ม้าหู  และ ประเภททีม  ที่เราน่าจะมีลุ้นแบบ50-50 เหมือนกันเพราะ จากการฝึกซ้อมอย่างยาวนานกว่า 9 เต็ม จนเรามีความพร้อมเต็มที่ อีกทั้งนักกีฬาคนอื่นๆ ในชุดนี้ ล้วนแล้วแต่มีความชำนาญในแต่ละอุปกรณ์ทั้งนั้น เช่น สุริเยน จันทร์ดวง มีความชำนาญและถนัดใน ห่วงนิ่ง  และ วรนาถ แก้วปัญญา  กำลังอยู่ในฟอร์มสดด้วย จึงทำให้เราคิดว่าเป้า 3 ทองน่าจะไม่ไกลเกินไป"
 
"สำหรับคู่แข่งของเราในยิมฯศิลป์ ชาย ของเราน่าจะมี เวียดนาม เพียงชาติเดียว เพราะระยะหลังมานี้เวียดนาม มีการพัฒนาขึ้นมาก  เพราะจากศึกชิงแชมป์โลก นักกีฬาเวียดนามสามารทำผลงานได้ดีว่านักกีฬาไทยทุกคน อีกทั้งนักกีฬาของเขาส่วนใหญ่ยังเก็ยตัวอยู่ที่ จีน ซึ่งถืองเป้ฯประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในกีฬาประเภทนี้อย่างมาก จึงทำให้ผมคิดว่า ซีเกมส์ เวียดนาม  เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวทีเดียว แต่ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเราก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อประเทศชาติ" เฮดโค้ชยิมฯศิลป์ชายทีมชาติไทย
 
ส่วน ความหวัง 1 ทองใน สปอร์ตแอโรบิก ทอง จากการชิงชัยทั้งหมด 2 ทอง ทาง "ศิริรัตน์ หิรัญรัตน์" ผู้จัดการทีมสปอร์ตแอโรบิก ทีมชาติไทย กล่าวว่า "สำหรับความหวังนั้นอยู่ที่  "เจ้ามิลล์" ณัฐวุฒ พิมพา  ที่จะลงแข่งขันในประเภท เดี่ยวชาย  เพราะจากที่เราการเปรียบเทียบผลงาน ของ "เจ้ามิลล์" กับ คู่แข่ง อย่าง เวียดนาม  แล้วต้องบอกว่าสูสีกันมากไม่ว่าจะเป็นอันดับโลก หรือผลงานที่แข่งขันในรอบปีที่ผ่านมา ทำให้เราคิดว่าเรามีโอกาสไม่น้อยที่คว้าเหรียญทองในประเภทนี้"
 
ด้านเป้าหมาย 1 ทอง ของ ยิมนาสติกลีลา  "โค้ชไก่" กุสุมาลย์ ประเสริฐศรี หัวหน้าผู้ฝึกสอนยิมนาสติกลีลาทีมชาติไทย กล่าวว่า สำหรับซีเกมส์ หนนี้ ความหวังเหรียญทองของเราคงอยู่ที่ "น้องโม" ธาราทิพย์ ศรีดี  ที่เป็นแชมป์เก่าในประเภทนี้เมื่อครั้งโคราชเกมส์  แต่มันคงไม่ใช่งานง่ายๆ ของเรา แน่นอน เพราะในครั้งนี้มีการชิงชัยในประเภทบุคคลรวมอุปกรณ์ เหรียญเดียวเท่านั้น อีกทั้งระยะหลังคู่แข่งสำคัญอย่างมาเลเซีย มีการพัฒนาขึ้นมากทีเดียวและต้องยอมรับว่าเขาดีกว่าเราอยู่เล็กน้อย
 
"แต่ไม่ว่าจะอย่างไรจากการที่เราเก็บตัวฝึกซ้อมมากว่า 9 เดือนเต็มๆ ทำให้ทั้ง ธาราทิพย์ ศรีดี  และ "ขมิ้น" อัญญาวรินทร์ ศุภธีระเลิศ"  มีความพร้อมเต็มที่แล้ว อีกทั้งเรายังได้โค้ช อเล็กซานโดว่า นาเดีย เวเชว่า โค้ชระดับโลกชาวบังแกเรีย เข้ามาดูปรับเปลี่ยนท่าชุดใหม่ และสอนเทคนิคต่างๆให้นักกีฬาทั้งสองคนมีผลงานดีขึ้นมากทีเดียว จนทำให้เรามั่นใจว่า ธาราทิพย์ น่าคว้าเหรียญทองมาครองได้อีกสมัย"
 
อย่างไรก็ตาม นซีเกมส์ ครั้งนี้ ของ "ทัพยิมนาสติกทีมชาติไทย" ก็มีเรื่องน่าแปลกใจอยู่เรื่องหนึ่ง คือ งานนี้ สมาคมยิมฯ ไม่ตั้งเป้าให้กับ "ทัพยิมนาสติกศิลป์ หญิง"  แม้แต่ "ทอง" เดียว
 
โดยในกรณีนี้ "สวัสดิ์ โสภะ" ประมุขยิมนาสติกไทย กล่าวว่า การที่สมาคมฯ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายใหักับ ทีมยิมฯ ศิลป์หญิง ในซีเกมส์ ครั้งนี้ เนื่องจากระยะหลังที่ผ่านมา นักกีฬายิมฯศิลป์หญิง ผลงานในระดับชาติไม่ค่อยดีเท่าที่ควร  จึงให้เราไม่อยากตั้งเป้าหมาย แต่ตนเชื่อว่านักกีฬาทุกคนจะทำหน้าที่ฃเพื่อชาติในครั้งนี้ดีที่สุด และมั่นใจได้เลยว่า....ทีมยิมนาสติกไทย จะสามารถคว้า 5 เหรียญทอง ตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน !!
 
จากข้อมูลและคำบอกเล่า..ทั้งหมด....ของ "สตาฟโค้ชยิมสนาสติกทีมชาติไทย" และ "ประมุขยิมฯไทย "  ต้องบอกว่า..พวกเขาพร้อมที่จะไล่ล่าเหรียญ " ทอง" ซีเกมส์ บนถิ่น "อิเหนา"  เต็มที่แล้ว !
 
แต่ "ทัพยิมนาสติกไทย" จะคว้า 5 เหรียญทอง ! ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้หรือไม่..?...ต้องติดตาม !!!


ซอฟท์บอลไทย ขอลองสักตั้งเพื่อเหรียญทองซีเกมส์



  กีฬา "ซอฟท์บอล" อาจไม่ใช่ "กีฬาความหวัง" ของ "ทัพนักกีฬาไทย" และเป็นกีฬาบ้างครั้งถูกหลายๆ คนสบประมาทว่า เป็น กีฬา ที่ไม่ควรส่งทีมเข้าร่วมการแข่งขันเลยด้วยซ้ำ เพราะหากส่งไปมันก็เปล่าประโยชน์ เพราะไม่น่าจะมีลุ้นเหรียญใด ๆ

 






แต่สำหรับในมหกรรมซีเกมส์  ครั้งที่ 26  ณ ประเทศ อินโดนีเซีย  ที่จะมีการชิงชัยในระหว่างวันที่ 11-22 พ.ย. นี้  "ทัพซอท์ฟบอลไทย "ประกาศกร้าวขอพิสูจน์ตัวเองว่า พวกเขาจะไม่ใช่แค่ไม้ประดับที่ไปแข่งแบบไร้ความหวังอีกต่อไป ด้วยเป้าหมาย  "ทอง" ซีเกมส์
 
แม้ว่าผลงานของ "ทีมซอฟท์บอลไทย" ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะไม่ดีเท่าทีควร และล่าสุดในศึกเอเชี่ยนเกมส์ ที่ประเทศจีน ทำได้เพียงอันดับ 5 ของ เอเชีย และมีอันดับเป็นรองทีมคู่แข่งในอาเซียน อย่าง ฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย ก็ตาม
 
อะไร ? ที่ทำให้ตั้งเป้าถึงการคว้าเหรียญทอง ซีเกมส์
 
บรรยงค์ เกียรติก้องชูชัย นายกสมาคมซอฟท์บอลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย  กล่าวว่า ที่เราตั้งเป้าไว้สูงถึงเหรียญทองในครั้งนี้ ก็เพราะเรามีเป้าหมายที่สร้างความสำเร็จ ในทีมซอฟท์บอลไทยให้ได้สักครั้ง เพื่อแฟนกีฬาไทย และเพื่อประเทศชาติ อีกทั้งที่ในปัจจุบันมาตราฐานของทีมไทยเองก็ไม่ได้ห่างจากคู่แข่งในอาเซียน สักเท่าใด ถึงทำให้ตนมีความคิดว่ามีโอกาสที่จะคว้าเหรียญทองได้เช่นกันหากเรามีความ ตั้งใจจริง
 
"อีกทั้งในครั้งนี้เราเองมีการเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี และที่ผ่านมา นักกีฬาของเราก็มีความมความมุ่งมั่นตั้งใจในการฝึกซ้อมมาอย่างต่อเนื่องนับ ตั้งแต่จบศึกเอเชี่ยนเกมส์ เพราะทุกคนมีเป้าหมายเดียวกับสมาคมฯ คือการทำหน้าให้ดีที่สุด เพื่อตำแหน่งแชมป์ซีเกมส์"
 
"ส่วนเรื่องขุมกำลังทีมซอฟท์บอลไทย ชุดซีเกมส์ หนนี้  มีการเปลี่ยนแปลงพอสมควรทีเดียว แต่กำลังสำคัญอย่าง วราภรณ์ คนยืน, ศศิธร  วิลัยรักษ์,กันทรากร จิตต์เสรี, ปริยากร เป้ากลาง และ ธัญพร รุจิหาญ อยู่กันครบ อีกได้ดาวรุ่งมาเสริมอีกหลายคน จนทำให้ ทีมซอฟท์บอลไทย เป็นทีมที่ผสมผสานระหว่างความเก๋ากับความสด แต่จะผสมผสานที่ลงตัว เพราะความเก๋าของตัวผู้เล่นตัวเก่า จะสามารถประคองน้องๆในทีมกับภาะกิจล่าทองซีเกมส์ในครั้งนี้ได้"
 
"สำหรับคู่แข่ง น่าจะมี ฟิลิปปินส์ กับ "เจ้าภาพ" อินโดนีเซีย  2 ทีมเท่านั้น เพราะจากผลงานที่ผ่านมา ต้องบอกระยะหลัง อินโดฯ และ ฟิลิปปินส์  ทำได้ดีกว่าทีมไทย  อีกทั้ง ฟิลิปปินส์  ยังมีดีกรีเป็นแชมป์เก่า และเขาไม่ยอมปล่อยแชมป์ให้หลุดมือง่ายๆ มาให้กับทีมไทยง่ายๆอย่าแน่นอน  แต่อย่างไก็ตามด้วยการเต็มดีมาอย่างยาวนาน ทำให้คิดเราว่า ทีมซอท์ฟบอลไทย มีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์ คว้าเหรียญทองซอฟท์บอล ในซีเกมส์ ได้เช่นกัน"
 
จากความมั่นมุ่งตั้งใจ ของทั้งสมาคมซอฟท์บอล และ นักกีฬา  เชื่อได้เลยว่าน่าจะเป็นสิ่งทำให้ "พวกเขาก้าวสู่ความสำเร็จ" ได้ไม่ยาก !
 
แต่จากนี้ไป "แฟนๆกีฬาไทย" คงต้องส่งกำลังใจไปช่วย "ทีมซอฟท์บอลไทย" ให้คว้าเหรียญทองซีเกมส์มาครองได้


อิเหนาปรับเวลาแข้งไทยหวดซีเกมส์ใหม่


Pic_212754


“บิ๊กเปี๊ยก” ระบุ อินโดฯแจ้งปรับเวลาแข่งของทีมฟุตบอลไทยในซีเกมส์ 2011 ใหม่ ประเดิมหวดเสือเหลือง 9 พ.ย.นี้...


วัน ที่ 28 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “บิ๊กเปี๊ยก” องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้โทรศัพท์แจ้งโปรแกรมการแข่งขันใหม่ล่าสุดในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ให้ “บิ๊กกาเซ็ม” เกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมฟุตบอลชุดลุยซีเกมส์ ที่นำนักเตะไปฝึกซ้อมอยู่ที่ จ.ภูเก็ต ได้รับทราบว่า “เจ้าภาพ” อินโดนีเซีย ส่งหนังสือเลื่อนโปรแกรมแข่งขันของทีมไทยให้เร็วขึ้น จากนัดแรกที่จะเจอกับ “แชมป์เก่า” มาเลเซีย วันที่ 11 พ.ย. ให้เลื่อนมาเป็นวันที่ 9 พ.ย. นัดที่ 2 กับกัมพูชา เดิมเตะวันที่ 13 พ.ย. ให้ย้ายมาเตะวันที่ 11 พ.ย. นัดที่ 3 พบ “เจ้าภาพ” อินโดนีเซีย จากเดิมวันที่ 15 พ.ย. ให้มาเตะวันที่ 13 พ.ย. และนัดสุดท้ายพบสิงคโปร์ เตะวันที่ 17 พ.ย.ตามเดิม ทำให้นายเกษมตัดสินใจเลื่อนการเดินทางไปประเทศอินโดนีเซียเร็วขึ้นอีกเป็น วันที่ 7 พ.ย. จากเดิมที่จะไปในวันที่ 8 พ.ย.

สำหรับการเปลี่ยนแปลง โปรแกรมครั้งนี้  คาดว่าเกิดจากการที่ไทยต้องพบกับอินโดฯในศึกซีเกมส์ ตามโปรแกรมเดิมคือวันที่ 15 พ.ย. ทว่าเป็นวันเดียวกับที่ทีมชาติอินโดนีเซียชุดใหญ่จะลงทำศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย กับอิหร่าน ที่สนามเสนายันพอดี ทำให้ “เจ้าภาพ” ไม่สามารถจัดสนามให้ไทยพบกับอินโดฯในศึกซีเกมส์ที่สนามเสนายันได้ จึงจำเป็นต้องขยับโปรแกรมเข้ามา ซึ่งวันที่ 15 พ.ย. จะไม่มีฟุตบอลซีเกมส์แข่งแต่อย่างใด

สำหรับ นักเตะซีเกมส์ที่จะเดินทาง สู่แดนอิเหนาจะมีทั้งหมด 19 คน โดยเว้นที่นั่งให้ ธีราทร บุญมาทัน นักเตะจากทีมชาติชุดใหญ่ ที่จะบินตามมาสมทบหลังเสร็จสิ้นภารกิจคัดบอลโลกในวันที่ 16 พ.ย. ขณะเดียวกันมีการแต่งตั้ง “เจ้าแซม” รณชัย รังสิโย หัวหอกดาวยิงจากทีม “มังกรไฟ” บีอีซี เทโรศาสน ที่มีประสบการณ์ในระดับชาติมากที่สุด ขึ้นเป็นกัปตันทีมชาติชุดซีเกมส์อย่างเป็นทางการ พร้อมกับตั้งเป้าให้ “เจ้าแซม” ยิงประตูในศึกชวาเกมส์ให้ได้อย่างน้อย 6 ประตู เพื่อพาทีมลุ้นเหรียญทอง โดยในรอบแรก 4 นัด หากไทยเก็บได้สัก 10 แต้ม ก็จะรับประกันความเป็นที่ 1 ในสายเอ เพื่อเข้ารอบตัดเชือก



โบนัสสมาชิกใหม่100% สูงสุดถึง 1,000บาท
โบนัส 33%สูงสุด 10,050บาท สมัครสมาชิกวันนี้สิคะ!!




รับโบนัสจุจัยเพื่อคุณ ห้ามพลาด !
12BET


ดูข่าวสารอื่นได้ที่ 
ข่าวเด็ด ทีเด็ด - http://noolek12bet.exteen.com
ทีเด็ด บอลดัง ทิปโดนจัย สถิติบอล EPL - http://sporttopranking.blogspot.com
แบตมินตัน -http://badmintonmatch.blogspot.com
กอลฟ์ -http://golfsportfan.blogspot.com
ข่าวสาร ลีก อิตาลี่ -http://italyserieamatch.blogspot.com
ข่าวสาร ลีก ยูโรป้า -http://europasoccermatch.blogspot.com
ข่าวสารยูโร 2012 - http://uefaeuromatch.blogspot.com
แฟนคลับนิวคาสเซิล -http://newcastlesport.blogspot.com
แฟนคลับนิวคาสเซิล -http://newcastlematch.blogspot.com
สาวกวีแกน - http://wiganfan.blogspot.com
วีแกนแฟน - http://wiganfctip.blogspot.com
วอลเล่ห์บอลสาวไทย - http://volleyballsportmatch.blogspot.com
live casino - http://livedealer12betcasinoonline.blogspot.com
ทีเด็ด บอลดัง ทิปโดนจัย - http://12betsportonline.multiply.com
แวะเข้าไปชมได้นะค่ะ *-*

เรือพายประกาศจอง 11 ทอง ลุ้น "วิชาญ" ฉีกหน้าอิเหนาซิวเหรียญแรก



  แม้เรือพายจะเป็นกีฬาที่ยังขาดการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ให้ เป็นที่แพร่หลายในคนหมู่มาก และมั่นใจว่าคนไทยส่วนน้อยเท่านั้นที่จะรู้จักนักกีฬาเรือพายทีมชาติไทย










ทั้งๆ ที่กีฬาเรือพายเป็นกีฬาซึ่งสร้างผลงานได้ดีและสามารถไต่ระดับจนถึงเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ ทว่ายังน้อยคนนักที่จะรู้จัก

แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าใครจะรู้จักหรือไม่รู้จัก นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ หากแต่สิ่งที่สำคัญอยู่ที่การเดินหน้าสร้างผลงานอย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุด หย่อน ไม่ว่าจะซีเกมส์ หรือ เอเชียนเกมส์ หรือแม้แต่ทัวร์นาเมนต์ต่างๆ และล่าสุดในการแข่งขันเรือกรรเชียงชิงชนะเลิศแห่งเอเชีย ที่เกาหลีใต้ ซึ่งทัพฝีพายไทยคว้ามาได้ 3 เหรียญทอง และการแข่งขันเรือแคนู-คายัค ชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศอิหร่าน คว้ามาได้ 3 เหรียญเงิน 3 เหรียญทองแดง

นั่นถือเป็นผลงานที่ดีไม่น้อยของนักกีฬาไทยและพูดได้เลยว่าผลงาน ของนักกีฬาไทยดีที่สุดในแถบอาเซียน เนื่องจากไม่มีชาติอาเซียนชาติใดที่คว้าเหรียญทองติดมือได้เหมือนไทย

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากการแข่งขันทั้ง 2 รายการนี้ ทำให้สมาคมเรือพายฯ ประเมินเหรียญได้ง่ายขึ้นจนกลายมาเป็นความหวัง 11 เหรียญทอง ในการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่ประเทศอินโดนีเซีย

น.อ.ปารัช รัตนไชยพันธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการสมาคมเรือพายแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรือพายถือเป็นทัพใหญ่สุดของการส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน และครั้งนี้เราก็มีความหวังในการคว้าเหรียญทองไม่น้อย จากการประเมินและเทียบสถิติการแข่งขัน 2 รายการล่าสุดที่ผ่านมา สมาคมฯ คาดหวังว่าจะสามารถคว้าเหรียญทองมาได้ถึง 11 เหรียญทอง และก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีเซอร์ไพรส์เกิดขึ้นด้วยก็ได้ เพราะขณะนี้นักกีฬามีความพร้อมแล้วกว่า 90 เปอร์เซ็นต์

"นักกีฬาแยกย้ายเก็บตัวฝึกซ้อม โดยเรือกรรเชียงและแคนู-คายัค ฝึกซ้อมที่โคราช ส่วนเรือพายซ้อมที่สัตหีบ อย่างไรก็ตาม 11 เหรียญทอง เป็นแค่การประเมินเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงเราอาจจะได้น้อยหรือมากกว่า เพราะกีฬาทางน้ำมีองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งสภาพน้ำ สภาพลม และแต่ละวันสภาพเหล่านี้จะไม่เหมือนกัน ซึ่งตรงนี้คือตัวแปรสำคัญ"

อย่างไรก็ตามนักกีฬาชุดนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างนักกีฬาเก่ากับ นักกีฬาใหม่ อาทิ รัตนพล เทพภิบาล, วิชาญ ใจเที่ยง, ปิยพันธ์ เผ่าพัฒน์, บุษยมาส แผลงกระโทก และ พุทธรักษา นีกรี นอกจากนั้นก็เป็นเด็กกลางเก่ากลางใหม่ ซึ่งบางคนก็ติดทีมชาติครั้งแรก บางคนขยับจากนักกีฬาเยาวชน อาทิ กนกพรรณ สวนสัตย์ เยาวชนฝีมือดีที่เคยฝากผลงาน 2 ทอง แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2551, ณัฐพล ยาตรา เจ้าของ 1 ทอง 2 เงิน ซีเกมส์ครั้งที่ 24 และ วรพร บุญยู่ฮง 3 ทองแดง เรือยาว กว่างโจวเกมส์

และถึงแม้ว่าจะมีตัวแปรจากสภาพลม สภาพน้ำ แต่สมาคมฯ ก็ยังคงวาดหวังว่าเหรียญทองแรกจะเป็นของทัพฝีพายไทย ซึ่งเป้าหมายหนนี้มุ่งไปที่ "วิชาญ ใจเที่ยง" เจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 24 และเคยผ่านสังเวียนเอเชียนเกมส์ ที่กว่างโจว มาแล้ว

เพราะจากประสบการณ์และความมุ่งมั่นฝึกซ้อมอย่างหนักของเจ้าตัวใน ระยะเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะโค้งสุดท้ายนี้ทำให้สมาคมฯ มั่นใจว่าฝีพายหนุ่มของไทยจะฉีกหน้าเจ้าภาพด้วยการคว้าเหรียญทองแรก จากประเภทเรือคายัค ระยะ 1,000 ม. ที่จะชิงชัยในวันแรก 10 พ.ย.นี้ 

ยังไม่นับรวมเหรียญที่จะได้จากแม่ย่านางเรือ อย่าง "แพท" พุทธรักษา นีกรี เจ้าของ 2 เหรียญทองซีเกมส์ ครั้งที่ 24 และ บุษยมาส แผลงกระโทก รวมถึง รันตพล เทพภิบาล นักกีฬารุ่นเก๋าที่ผ่านสนามแข่งขันมาอย่างโชกโชน และในครั้งนี้พวกเขาเหล่านี้ยังถือเป็นกำลังหลักสำคัญที่จะช่วยกันโกยเหรียญ ทองให้ได้ตามความคาดหวังที่ 11 เหรียญทอง

และถ้าจริงเช่นนั้น เรือพาย จะกลายเป็นพระเอกที่ทำให้ไทยมีโอกาสก้าวขึ้นแท่นเจ้าเหรียญทองในซีเกมส์หนนี้อย่างแน่นอน






เบสบอลไทย ทองสถานเดียว!



นับตั้งแต่ "ทัพเบสบอลไทย" ประสบความสำเร็จในมหกรรมกีฬา "ซีเกมส์" ครั้งที่ 24 ณ จ.นครราชสีมา ด้วยการผงาดคว้า "เหรียญทอง" ครองได้อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากสามารถโค่น ฟิลิปปินส์ ยักษ์ใหญ่ของวงการเบสบอลอาเซียน และอันดับ 3 ของเอเชียในเวลานั้นลงได้
 
"ทีมเบสบอลไทย" ก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้อีกเลย !
 
ในช่วง 4 ปี  ที่ผ่านมา "ทีมเบสบอล" แทบจะไม่ได้มีโอกาสแสดงฝีมือในเวลาทีระดับชาติสักเท่าไหร่ นอกจากการแข่งขัน "เอเชี่ยนเกมส์" หนล่าสุด ที่ประเทศ จีน  แต่ "ทีมไทย"  ก็ไม่สามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้ โดยทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ อันดับ  5  ของรายการเท่านั้น
 
จนทำให้ทุกวันนี้ "เบสบอลไทย" ต่างรอคอยการกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่ใน "ซีเกมส์" อีกครั้ง หลังจากใน "เวียงจันทน์เกมส์"  ไม่จัดการแข่งขัน
 
แต่ในซีเกมส์ หนนี้ ห้วงเวลารอคอยของ "ทีมเบสบอลไทย" ได้สิ้นสุดลง เมื่อ "เจ้าภาพ" อินโดนีเซีย" ดึงเอากีฬา "เบสบอล" เข้าบรรจุใน  ซีเกมส์ อีกครั้ง !
 
ใน "ศึกซีเกมส์"  ณ ถิ่นอินโดฯ  "ทีมเบสบอลไทย"  ตั้งเป้าหมายคว้าเหรียญทอง ให้ได้สถานเดียวเท่านั้น ! 
 
เพราะงานนี้ ทางสมาคมเบสบอลสมัครเล่นแห่งประเทศ ไทย  ต้องการให้ "เบสบอลไทย" กลับมายิ่งใหญ่ในเวทีเบสบอสอาเซียน อีกครั้ง  อีกทั้ง ไทย เองยังมีศักดิ์ศรีแชมป์เก่า" ค้ำคออยู่ด้วย ! 
 
สำหรับความพร้อมของ "ทัพเบสบอลไทย" กับภาระกิจป้องกันแชมป์ "ซีเกมส์"  ทาง ชัยวัฒน์ วรรณจินดา ผู้จัดการทีมเบสบอลไทย กล่าวว่า "ตอนนี้ถือว่าพร้อมมากพอสมควรเลยทีเดียว เพราะในครั้งนี้ ทางสมาคมเบสบอลฯ มีการเตรียมทีมอย่างยาวนานและต่อเนื่อง นับตั้งแต่จบเอเชี่ยนเกมส์ ที่ ประเทศจีนช่วงธันวาคมปีที่แล้ว โดยมี  มูราเซ โค้ชฝีมือดีชาวญี่ปุ่นเป็นคนคุมการฝึกซ้อม จนทำให้ตอนนี้ นักกีฬามีความเข้าใจเกมและมีความแข็งแกร่งของร่างกายขึ้นมาก"
 
"นอกจากนี้เรายังได้นักเบสบอลที่มีประสบการณ์เล่นเบสบอลในต่าง ประเทศ อย่าง เกรียงไกร-เกื้อกูล  อาโอยาม่า ฝาแฝดลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นนักเบสบอลของโรงเรียนเซวะ คูเคน ของเมืองเชนได  และ แจ๊ค-โจ ดารุ  2 พี่น้องลูกครึ่งไทย-อเมริกา ที่เล่นอยู่ทีมมหาวิทยาลัยในรัฐแคลิฟอร์เนีย เข้ามาเสริมอีกด้วย"
 
"ส่วนคู่แข่งนั้นตนคิดว่าน่าจะมี  "เจ้าภาพ" อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์  2 ทีมเท่านั้น ที่จะเป็นปราการด่านสำคัญในการไล่ล่าแชมป์ของทีมไทย  โดย เฉพาะ "ฟิลิปปินส์" ที่เป็นปรับของเรามาตลอดในซีเกมส์ ทั้ง  2 ครั้ง ที่ ฟิลิปปินส์ และ โคราช  ซึ่งเราผลัดกันได้แชมป์มาทีมละครั้ง ส่วนอินโดฯ นั้นก็ถือว่าน่าก็ไม่แพ้กัน  เพราะเขาได้เปรียบเรื่องการเป็นเจ้าภาพเท่านั้น  อย่างไรก็ตามจากสถิติที่ผ่านมา ทีมไทยสามารถเอาชนะ อินโดฯได้ทุกครั้ง ทำให้ตรงนี้ก็จึงไม่น่าห่วงเท่า อีกทั้งในซีเกมส์ หนนี้ เรามีการเตรียมดีจึงทำให้ตนคิดว่าเราน่าจะผ่านทั้งสองทีมได้ไม่ยาก และน่าจะคว้าแชมป์มาครองได้เป็นสมัยที่ 2 อย่างแน่นอน "
 
ดูจากข้อมูลแล้วต้องบอกว่า.. "ขุนพลเบสบอลทีมชาติ"  พร้อมเต็มที่แล้ว... กับภาระกิจการป้องกัน "แชมป์ซีเกมส์"



โปรโมชั่นเดือนนี้ สมัครครั้งแรก 1,000 รับอีก 1,000 เหมือนเดิม 
ขยายเวลาให้สำหรับแฟนบอลตัวจริง สมัครด่วน คลิ๊กที่แบนเนอร์








สมัครกับเราผ่านแบนเนอร์นี้ เหมือนสมัครกับเว็บโดยตรง


ชายหาดมั่นใจทองหญิงไม่หลุดมือ



ด้านวอลเลย์บอลชายหาดส่งแข่งขัน 4 ทีม แบ่งเป็น ทีมชาย 2 ทีม ได้แก่ จ่าเอก กิตติพัทธ์ ยังถิน/อส.ทพ.ธีรภัทร โพธิ์เหลือง (ทีมไทย 1), จ่าเอก สิทธิชัย สังขโชติ/สิบตรี ประทีป สุขโต (ทีมไทย 2) และทีมหญิง 2 ทีม ได้แก่ จารุณี สารนอก/อุษา เต็นปักษี (ทีมไทย 1) และ กมลทิพย์ กุลนา/วรภัสสร รดารงค์ (ทีมไทย 2)
 








ว่ากันว่าปีนี้มีลุ้นเหรียญทองเช่นเดียวกัน และคาดว่าน่าจะเป็นการชิงเหรียญทองกันเองของคู่ระหว่าง จารุณี สารนอก กับ อุษา เต็นปักษี และ กมลทิพย์ กุลนา กับ วรภัสสร รดารงค์ 
  
แม้จะมีตัวทอดแทรกอย่างมาเลเซีย และอินโดนีเซีย แต่รับประกันเหรียญทองไม่หลุดมือของลูกยางชายหาดสาวไทยแน่นอน เพราะจากแมตช์เทสต์อีเวนต์ 2 รายการล่าสุด ไทย 1 และไทย 2 เกาะอันดับท็อป 5 โดยมีมาเลเซีย และอินโด ทำผลงานตามหลัง
  
และถึงแม้ว่าลูกยางชายหาดสาวของไทยอาจจะเสียเปรียบอายุไม่สดเท่า กับทีมชาติอื่นๆ แต่ด้วยประสบการณ์ที่เจนจัดในเวทีแข่งขัน เชื่อว่าจะเอาตัวรอดได้ไม่ยาก และโอกาสที่จะฝ่าด่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศมีสูง เช่นเดียวกับการคว้าเหรียญทองมาครองได้

  
ฝากทีมชายหนนี้ยังคงส่งนักกีฬาสายเลือดใหม่ผสมเลือดเก่าทดสอบฝีมือ ซึ่งแม้ว่า 2 ปีที่ผ่านมา จะได้เหรียญเงิน ทว่าหนนี้เห็นทีจะลำบาก แต่ก็ยังพอมีสิทธิ์ได้ลุ้นในคู่ของ จ่าเอก กิตติพัทธ์ ยังถิน กับ อส.ทพ.ธีรภัทร โพธิ์เหลือง ส่วนคู่ของ จ่าเอก สิทธิชัย สังขโชติ กับ สิบตรีประทีป สุขโต ต้องเฝ้ารอกันต่อไป

  
ด้าน นายสมพร ใช้บางยาง นายกสมาคมวอลเลย์บอลฯ เปิดเผยว่า ชายหาดมีโอกาสได้เหรียญทองจากทีมหญิง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นการชิงเหรียญทองกันเอง ทีมหญิงที่ชนะและอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะอาศัยประสบการณ์และการคิดเกมในสมอง ซึ่งเขาค่อนข้างแก้เกมได้ดี ขณะที่ชายหาดทีมชายตอนนี้ ฝีมือสูสีกันทุกชาติ โอกาสคงลุ้นยาก แต่เราก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด

  
ผู้ฝึกสอน จ่าเอก ทวีป ทองกำเหนิด เปิดเผยว่า อย่างไรก็ตามเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เราได้เดินทางไปแข่งขันที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยแข่งขันที่สนามจริง ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับสนาม โดยเฉพาะสภาพลมที่ค่อนข้างแรงมาก

  
การแข่งขันที่ผ่านมา ถือเป็นการเทสต์อีเวนต์ กลับมาเราก็ต้องมาปรับแก้ว่าการที่จะเล่นกับสภาพที่แรงจะต้องทำอย่างไรบ้าง ก็ต้องปรับเปลี่ยนและแก้ไขการเล่นในบางจุด ถือว่าได้ประสบการณ์ไม่น้อย อย่างไรก็ตามกีฬาวอลเลย์บอลชายหาดแตกต่างจากวอลเลย์บอลในร่ม ตรงที่โค้ชไม่สามารถเข้าไปชี้แนะได้ในระหว่างแข่งขัน ฉะนั้นก่อนลงสนามโค้ชกับนักกีฬาจะต้องวางแผนร่วมกันให้ดีว่าจะต้องเล่นแบบ ไหน และถ้านักกีฬาลงสนามไปแล้วโค้ชไม่สิทธิ์ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องเป็นหน้าที่ของนักกีฬาทั้งคู่ ที่เขาจะต้องแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และจะเล่นอย่างไรเพื่อเอาชนะ

  
ด้วยประสบการณ์ของนักกีฬา โดยเฉพาะทีมหญิงที่ผ่านการแข่งขันมาอย่างโชกโชน ทำให้มั่นใจว่าครั้งนี้จะมีเหรียญติดมือกลับมาแน่นอน ที่เราคาดหวังไว้คือ น่าจะเป็นการชิงกันเองของทีมไทย 1 และไทย 2 ก็ถือว่ามีโอกาสที่จะได้เหรียญทองทั้งคู่ ส่วนคู่แข่งก็คงเป็นมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ซึ่งเขาก็ดีวันดีคืน ฉะนั้นเราก็คงไม่ประมาท และต้องเล่นอย่างรัดกุมที่สุด เพราะเกมค่อนข้างพลิกได้ง่ายมาก

   
และถึงแม้ศึกหนนี้ของทัพนักตบลูกยางจะไม่หมู...แต่เชื่อว่าพวกเขาทำได้ โดยเฉพาะชายหาดสาวที่ถูกฝากความหวังไว้ในการกรำศึกหนนี้  



รีบแทงก่อนราคาน้ำเปลี่ยน

โปรโมชั่นเดือนนี้ สมัครครั้งแรก 1,000 รับอีก 1,000 เหมือนเดิม 
ขยายเวลาให้สำหรับแฟนบอลตัวจริง สมัครด่วน คลิ๊กที่แบนเนอร์
สมัครกับเราผ่านแบนเนอร์นี้ เหมือนสมัครกับเว็บโดยตรง

No comments:

Post a Comment