แมตช์แนะนำ!

Tuesday, September 6, 2011

บทความทรรศนะพรีเมียร์ลีกค์ของ เรเน่ มูเลนสตีน โค้ชแมนยู12BET 6/9/2554




ก่อนอื่นต้องขอยอมรับว่าผลการแข่งขันใน นัดล่าสุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ช่วยบันทึกสถิติใหม่ให้กับสโมสร อาร์เซน่อล ว่าเป็นความพ่ายแพ้ที่ย่อยยับที่สุดในประวัติศาสตร์ศึก พรีเมียร์ลีก ของพวกเขาด้วยสกอร์ 8-2 ไม่ได้สร้างความสุขกายสุขใจให้กับผมในฐานะผู้ขายวิญญาณให้ลัทธิปีศาจสักเท่า ไหร่ และเชื่อว่าผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกับผมก็คงมีความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกัน
 
การเชียร์ทีมรักลงสนามมันจะรู้สึกสนุกสนานเสียวซ่านก็ต่อเมื่อได้ เจอคู่แข่งที่สูสี ที่มาพร้อมกับขุมกำลังที่สมบูรณ์พอๆ กัน ทว่าลูกทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ กลับหอบมาเพียงศักดิ์ศรีจากวันวาน ที่ผ่านมานานหลายปี แต่นักเตะที่ส่งลงมาโม่แข้งที่สังเวียน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กลับอุดมไปด้วยผู้เล่นดาวรุ่งและนักเตะที่เป็นเพียงตัวสำรองมาจากฤดูกาลที่ แล้วเป็นส่วนใหญ่
 
สุดท้ายก็หนีไม่พ้นชะตากรรมอย่างที่ทุกๆ ท่านคงได้เห็นกันแล้ว อย่างไรก็ตาม ในความย่ำแย่ก็ยังมีอะไรดีๆ บ้าง เมื่อความพ่ายแพ้ของ "เดอะ กันเนอร์ส" ทำให้บอร์ดบริหารของพวกเขา เกิดอาการ "ตาสว่าง" ด้วยการจัดนักเตะใหม่มาให้กุนซือชาวฝรั่งเศสรวดเดียวถึง 5 ราย ในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะ
 
นอกเรื่องไปซะนาน ขอนำผู้อ่านกลับมาสู่เรื่องราวที่จะนำมาพูดคุยกันในวันนี้ดีกว่า ผมขอระบายสักหน่อยว่าช่วงการเบรกทีมชาติเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุด เพราะเกมฟาดแข้งมันจะไปกระจุกตัวอยู่ในช่วงเวลาแค่ 3-4 วันเท่านั้น มันทำให้อีกเกือบ 10 วันที่เหลือมันเป็นช่วงเวลาที่น่ารันทดที่สุดสำหรับคอบอล (แต่บรรดานักกาบอลคงไม่เดือดร้อนเท่าไหร่...)
 
จากการเข้าไปสำรวจหาข่าวสารความเคลื่อนไหวของทีม "ปีศาจแดง" บนโลกอินเตอร์เน็ต เพื่อที่จะมานำเสนอในงานเขียนชิ้นนี้ เพื่อฆ่าเวลารอการกลับมาฟาดแข้งอีกครั้งของเกมลีก ผมก็ไปสะดุดตากับข่าวชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการ "ฟันธง" ของบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสถาบันซาตาน นั่นคือ เรเน่ มูเลนสตีน โค้ชทีมชุดใหญ่ของพลพรรค "เร้ด เดวิลส์" นี่เอง
 
สำหรับโค้ชชาวดัตช์ ให้ทรรศนะไว้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การกุมบังเหียนของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งมีขุมกำลังที่อุดมไปด้วยดาวรุ่งฝีเท้าจัดจ้านอย่าง  แดนนี่ เวลเบ็ค, ฟิล โจนส์, ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ และ คริส สมอลลิ่ง ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงคู่แข่งทีมอื่นๆ ในระดับท็อปโฟร์ ด้วยกัน ที่จะมายื้อแย่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไปจากอ้อมกอดของพวกเขา
 
อดีตนายใหญ่แห่งสถาบันปั้นแข้งดาวรุ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ให้เหตุผลที่ยืนยันความเชื่อของตัวเอง ที่มองว่า เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล รวมถึง ลิเวอร์พูล จะไม่สามารถยืนระยะชิงชัยกับทีมของตนเองได้ โดยกล่าวว่า "เราไม่ต้องกลัวทีมใดทั้งนั้น ซิตี้ เสริมทัพได้ดี แต่เรามีบางอย่างที่พวกเขายังขาดอยู่ เรารู้ว่าจะต้องทำอย่างไรให้ได้แชมป์ ซิตี้ ยังคงเป็นคู่แข่งสำคัญ แต่ อาร์เซน่อล ก็อยู่ในช่วงตกต่ำ ลิเวอร์พูล ยังอยู่ในช่วงการสร้างทีมใหม่ และ เชลซี ก็เซ็นสัญญากับนักเตะชื่อดังเพียงรายเดียวคือ ฆวน มาต้า"
 
"นอกจากนี้ ผู้เล่นชุดนี้ของ เชลซี ยังมีอายุมากเกินไป และเกมการเล่นของพวกเขาก็ไม่เร็วพอที่จะคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ชัยชนะของเราเหนือ อาร์เซน่อล เป็นอะไรที่พิเศษมาก พวกเขาสูญเสียคุณภาพภายในทีมไปมากมายนับตั้งแต่การจากไปของ เชส ฟาเบรกาส และ ซามีร์ นาสรี่ มันดูเหมือนว่าขณะนี้ อะไรๆ ก็ดูย่ำแย่ไปหมดสำหรับ อาร์แซน เวนเกอร์"
 
จากบทสัมภาษณ์ข้างต้น มูเลนสตีน เชื่อว่า คู่อริร่วมนคร แมนเชสเตอร์ คือทีมที่น่าจะยืนระยะลุ้นแย่งแชมป์กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้นานที่สุด โดยมองข้ามพลพรรค "สิงโตน้ำเงินคราม" ว่าเป็นทีมที่มีนักเตะชราภาพเกินกว่าจะยืนระยะได้จนถึงจุดหมายปลายทาง แต่ผมกลับเห็นด้วยกับความเห็นของ "เฟอร์กี้" ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา ซึ่งมีความเห็นแย้งกับลูกน้องตัวเองอย่างสิ้นเชิง
 
ผู้จัดการทีมวัย 69 ปี มองว่า นักเตะประเภท "ขิงแก่" ของ "เดอะ บลูส์" ซึ่งมีหลายคนเคยผ่านร้อนผ่านหนาว และประสบความสำเร็จบนเวทีลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีมาแล้ว จะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อลูกทีมของตนเองในการป้องกันแชมป์ โดยให้ทรรศนะไว้ว่า "พวกเขา (เชลซี) มีนักเตะที่มีประสบการณ์โชกโชนอย่าง แฟร้งค์ แลมพาร์ด , ดีดิเย่ร์ ดร็อกบา , ปีเตอร์ เช็ก , จอห์น เทอร์รี่ , อเล็กซ์ , นิโกล่าส์ อเนลก้า , เฟร์นานโด ตอร์เรส ในทีมของพวกเขาไม่มีแข้งดาวรุ่งเลยก็จริง แต่ก็ไม่ได้มีคนที่แก่ขนาดอายุ 36 หรือ 37 อย่าง ไรอัน กิ๊กส์"
 
"แลมพาร์ด กับ ดร็อกบา อายุแค่ 33 ปี ในขณะที่ อเนลก้า ก็ประมาณ 32 ซึ่งก็ไม่แตกต่างกับ (ไมเคิ่ล) คาร์ริค และ ริโอ เฟอร์ดินานด์ เลย และเราไม่เคยพูดว่า พวกเขา (คาร์ริค กับ เฟอร์ดินานด์) แก่ และใช้งานไม่ได้หรอกใช่ไหม? แล้วทำไมนักเตะของ เชลซี ถึงแก่เกินไปล่ะ? พวกเขายังเป็นทีมที่อันตรายอยู่ และเราก็คาดว่า พวกเขาจะท้าทายเราได้ด้วย"
 
อย่างไรก็ตาม การออกโรงมาให้ความเห็นของ มูเลนสตีน ในครั้งนี้ อาจมองได้ว่าเป็นการพูดโดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างความฮึกเหิมให้กับลูกทีม แต่ในทางกลับกัน มันก็เป็นการสร้างความกดดันให้กับบรรดานักเตะดาวรุ่ง ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นชนกลุ่มใหญ่ของทีมไปแล้ว และสิ่งที่ต้องพิสูจน์กันต่อไปก็คือ เมื่อบรรดาลูกกรอกเหล่านี้เกิดฟอร์มตกไปสัก 1-2 นัด พวกเขาจะ "เก๋า" พอพลิกสถานการณ์กลับมาได้รวดเร็วเพียงใด ซึ่งจุดนี้น่าจะเป็นบททดสอบว่าพวกเขาพร้อมที่จะสานต่อความสำเร็จของแข้งรุ่น พี่หรือยัง
 
ส่วนทีมที่จะมาขับเคี่ยวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด เพื่อแย่งแชมป์ศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2011/12 ตามทรรศนะของผมมองว่า เชลซี ยังคงเป็นคู่แข่งที่อันตรายที่สุด และในความรู้สึกลึกๆ แอบเชื่อว่า เคนนี่ ดัลกลิช จะสามารถเสกให้ "หงส์แดง" กลับมาสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์กันแบบยาวๆ อีกครั้ง

No comments:

Post a Comment